ThanapolB http://thanapolb.siam2web.com/

(_thumbs) _01082_17.jpgมีสาระธรรม มาฝาก

1. สาระที่ได้จากการฟังธรรม จากมูลนิธิศึกษาและเผยแพร่พระพทุธศานา โดยท่านอาจารย์ สุจินต์ บริหารวนเขตต์  ธรรมะ คือสิ่งที่มีจริง สิ่งที่มีจริงโดยแท้ มี 4 อย่าง ได้แก่ จิต เจตสิก รูป และ นิพพาน  โดย จิต เจตสิก และนิพพาน เป็นนามธรรม ส่วนรูป เป็นรูปธรรม ส่วนรายละเอียดต้องศึกษาจากพระไตรปิฎกและผู้มีความรู้ ผู้เป็นกัลยาณมิตร อีกมาก ความเข้าใจมากน้อยขึ้นกับระดับปัญญาของฟัง

>ถ้าไม่ได้ฟังพระธรรม จะมีพระธรรมเป็นที่พึ่ง ไม่ได้.

>คนไหนโกรธ คนนั้นเป็นทุกข์ เพราะฉะนั้น คนที่ไม่โกรธ ไม่มีคนอื่นจะทำให้เดือดร้อนได้เลย

>เสียชีวิตไม่ใช่เรื่องใหญ่  แต่เรื่องใหญ่ คือ การเสียซึ่งคุณความดี

>ความบังเอิญ ไม่มีในโลก  มีแต่เหตุผลที่เรายังไม่รู้ 

> เวลาดี คือ เวลาที่กุศลจิตเกิดขึ้นเป็นไป เพราะขณะที่กุศลจิตเกิด  และกาย วาจา ก็เป็นไปตามจิตที่เป็นกุศล  

>ความสงบไม่ได้อยู่ที่นั่ง  แต่ความสงบ คือ กุศลจิตเกิดขณะใด ขณะนั้นเป็นจิตใจที่ดีงาม สงบจากโลภะ จากโทสะ จากโมหะ   ขณะใดที่แม้ไม่นั่ง แต่เวลาที่เห็นใครแล้วมีจิตใจเมตตา มีความกรุณา พร้อมที่จะช่วยเหลือบุคคลนั้น      แม้ในกิจที่เล็กน้อยที่สุดขณะนั้นก็เป็นจิตที่สงบจากกุศล

>ภัยของชีวิต จากภายนอก จะมีผลต่อเราได้ เพราะมีภัยภายในคือกิเลส ซึ่งเป็นอกุศลกรรมที่เคยทำไว้ จึงได้รับผลวิบากเป็นอย่างนั้น

2. มีคนทูลถามพระพุทธเจ้า สรุปคำสอนของพระองค์ให้สั้นๆ จะกล่าวว่าอย่างไร  คำตอบคือ

สัพเพ ธัมมา นาลัง อภินิเวสายะ      แปลว่า  ใดใดในโลกอันบุคคล ไม่ควรยึดติดถือมั่น

-------------------------------------------------------------------------------

สัมปัตตีตัง มูลัง:    บุญเป็นรากเหง้าของสมบัติทั้งปวง ปรารถนาสิ่งใดๆ ได้สิ่งนั้น ก็เพราะบุญ 

ละความโกรธเสียได้  ไม่เป็นทุกข์ ดังคำบาลีว่า

โกธํ ฆตฺวา สุขํ เสติ (ฆ่าความโกรธได้อยู่เป็นสุข)
      คนทุกคนอยากอยู่เป็นสุข จึงพยายามแสวงหา สะสมวัตถุที่จะอำนวยความสุขแก่ตนให้มากเท่าที่จะมากได้ และก็มีหลายคนเหมือนกันที่เสาะแสวงหาสิ่งอำนวยความสุขไว้ได้ตามความประสงค์แล้ว แทนที่จะได้รับความสุข แต่กลับเป็นทุกข์ แต่กลับเป็นทุกข์เพราะสิ่งเหล่านั้นเพิ่มเข้าไปอีกก็มี
ข้อนี้เพราะเหตุไร จากคำถามนี้ ถ้าพิจารณาตามหลักแห่งพระพุทธศาสนาแล้ว จะตอบได้ว่าความทุกข์มันเกิดที่ใจ ถ้าใจเรายังมีความโกรธอยู่ แม้จะแสวงหาอะไรได้ตามความต้องการแล้ว โอกาศจะเกิดทุกข์ก็มีถมไป เช่น เรามีเงินทองซื้อของนั้นมา แต่ของนั้นไม่ดีใจก็เป็นทุกข์ ถูกเพื่อนยืมเงินไปแล้ว เพื่อนไม่คืนให้ก็เป็นทุกข์ มีบ้าน บ้านถูกปลวกขึ้นก็เป็นทุกข์ มีรถยนต์แต่รถเสียบ่อยๆก็เป็นทุกข์
จากที่กล่าวมานี้จะเห็นได้ว่า สุขหรือทุกข์มันเกิดที่ใจ ถ้าใจว่างจากความโกรธ ความสุขก็จะเกิดขึ้น แต่ถ้าความโกรธยังอยู่ในใจ ความสุขก็จะเกิดไม่ได้ พระสัมมาสัมพุทธเจ้าจึงตรัสรับรองว่า ฆ่าความโกรธได้แล้วจะอยู่สุขสบาย

          ที่นำเสนออันนี้ก่อนใครก็เห็นว่าคนส่วนมากจะแสวงหาความสุข หลีกพ้นความทุกข์ แต่ก็หนีทุกข์ไม่พ้น ก็เป็นธรรมดา หากไม่รู้จักทุกข์ ไม่รู้เหตุแห่งทุกข์ คงหาวิธีดับทุกข์ได้ยาก และที่สำคัญคนส่วนมากมักหาเหตุแห่งทุกข์มาโดยไม่รู้ตัว โดยนึกว่าสิ่งที่หามานั้นคือความสุข ถ้าจะว่าเอาแบบละเอียด ขันธ์ทั้งหลาย(ขันธ์ 5) หรือรวมสั้นๆว่า รูป และนาม นั้นเป็นทุกข์ เพราะยังหนีไม่พ้นกฎไตรลักษณ์ คือ อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา  คนส่วนมากยังยึดติด อยากให้ของที่ตนมีคงอยู่ไปนานๆ ยึดติดตัวเรา ของเราตลอดเวลา และคนส่วนมากก็จะโดนอกุศลทั้งหลาย ทั้ง โลภะ โทสะ โมหะ ครอบงำจิตใจ จึงหนีหรือหลุดพ้นทุกข์ได้ยากยิ่งนัก สำหรับโลภะ คือความติดข้อง ความอยาก และโมหะ ความไม่รู้ หลายอย่างก็ละเอียดเกินไปที่จะรู้ได้หากขาดการเจริญสติ เจริญปัญญาที่เพียงพอ  จึงขอนำเสนอเรื่องโทสะ หรือความไม่พอใจ ความโกรธ ที่พอมองเห็นได้ง่ายบ้าง หากเราฆ่ามันได้เสีย (ฆ่าความโกรธ ไม่บาปด้วย) ย่อมลดความทุกข์ลงได้

 

ประชาสัมพันธ์

 ถ่ายทอดสดสนทนาธรรมะทางเวปไซด์(ผ่านนระบบZoom) และการสนทนาธรรมออนไลน์(LINE) ของมูลนิธิศึกษาและเผยแพร่พระพุทธศานา โดยมีรายการดังนี้


หรือเข้าดูผ่านอินเตอร์เน็ท  http://www.dhammahome.com/live


แนะนำเวปไซด์ธรรมะ

 http://www.dhammahome.com/home.php           บ้านธัมมะ

Advertising Zone    Close

Online: 1 Visits: 10,703 Today: 2 PageView/Month: 35

ด้วยความปราถนาดีจาก "สยามทูเว็บดอทคอม" และเพื่อป้องกันการเปิดเว็บไซต์เพื่อหลอกลวงขายของ โปรดตรวจสอบร้านค้าให้แน่ใจก่อนตัดสินใจซื้อของทุกครั้งนะคะ    อ่านเพิ่มเติม ...